การซื้อหุ้นนั้น การดูเรื่องปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นส่วนสำคัญ
รวมทั้งสถิติต่างๆ ด้วย เช่น ค่า P/E , P/BV , งบต่างๆ ฯลฯ
สมมติถ้าเกิดเจอหุ้น พื้นฐานแข็งแกร่ง P/E ใกล้ๆ กัน ตัวเลขอื่นๆ ก็ใกล้ๆ กัน จะเลือกยังไงดี ?
มาดูกัน...
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ราคากับจำนวน ที่ซื้อ กับช่วงของราคา
เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดมีราคาไม่เท่ากัน คือ มีราวๆ 500 บริษัท
ราคาก็มีตั้งแต่ 0.01 จนถึง 800 กว่าบาท ต่อหุ้น การซื้อต้องซื้อขั้นต่ำอย่างน้อย 100 หุ้น
และต้องซื้อในจำนวนที่ 100 หารลงตัวเสมอ (ไม่รวมกระดาน Odd Board ซึ่งสภาพคล่องต่ำมาก)
ในวงเงินจำนวนเท่ากัน ในที่นี้จะสมมติที่ 740,000 บาท เพื่อให้หาร Banpu ลงตัว ณ ราคาปัจจุบัน
ถ้าไม่นับเรื่องความถูกแพงของหุ้น ไม่ดูค่า (P/E , P/BV , อื่นๆ ) คือนัยว่าวิเคราะห์มาแล้ว
และเป็นการลงทุนระยะสั้น เรียกง่ายๆ ว่า "Day Trade"
** การกำหนดวงเงินเท่านี้เนื่องจากในจำนวนเงินเท่านี้สามารถ 'เคาะ' หุ้นเพียงครั้งเดียวแล้วได้หมดเลย
ถ้ากำหนดวงเงินมากกว่านี้เช่น 5 ล้าน บางห้นสภาพคล่องไม่เพียงพอทำให้ต้องถัวเฉลี่ยราคาที่ซื้อไป
จะทำให้เข้าใจยากต่อคนอ่านมากขึ้น
การเข้าซื้อหุ้นในขณะที่ช่องเหมือนกัน แต่กำไรไม่เท่ากัน แน่นอนขาดทุนก็ไม่เท่ากันเช่นเดียวกัน
ราคา < 2 บาท จะเพิ่มช่องละ 0.1
ตั้งแต่ > 2-5 บาท ในช่วงนี้ จะเพิ่มทีละ 0.02
ตั้งแต่ > 5-10 จะเพิ่มทีละ 0.05
ตั้งแต่ > 10 -25 จะเพิ่มทีละ 0.10
ตั้งแต่ > 25-100 จะเพิ่มทีละ 0.25
ตั้งแต่ > 100 - 200 จะเพิ่มทีละ 0.5
ตั้งแต่ > 200 - 500 จะเพิ่มทีละ 1
ตั้งแต่ 500 - 1000 จะเพิ่มทีละ 2
ทีนี้คำถามว่าควรจะซื้อราคาไหน สมมติว่าเอ็งเป็น Day Trade แล้วจะได้กำไรมากที่สุด
สมมุติเด้ง 3 ช่องขาย ราคาที่เอามาเป็นราคา ณ วันที่ 08/02/54
การคิดไม่นับค่า Commission กับ Tax คิดเป็นตัวเลขกลมๆ ดูง่ายๆ
วงเงินทุกตัว 740,000 บาท ( เนื่องจากจะได้หาร BanPu ลงตัวซึ่งเป็นหุ้นที่มีราคาต่อหุ้นสูงสุด ราคาพาร์นั่นแหละ )
Banpu ราคา 740 บาท ซื้อได้จำนวน 1000 หุ้น เด้ง 3 ช่องขายนั่นแปลว่า ขายที่ราคา 746 บาท / หุ้น กำไร = 6000 บาท
JAS ซื้อราคา 1.87 จำนวน 395,700 หุ้น ขาย 1.90 กำไร 11,871 บาท
BTS ซื้อราคา 0.74 จำนวน 1,000,000 หุ้น ขาย 0.77 กำไร 30,000 บาท
MCS ซื้อราคา 10.5 จำนวน 70,400 หุ้น ขาย 10.8 กำไร 21,120 บาท
CPF ซื้อราคา 21.9 จำนวน 337,00 หุ้น ขาย 22.2 กำไร 10,110 บาท
AJ ซื้อราคา 27.25 จำนวน 27,100 หุ้น ขาย 28 กำไร 20,325 บาท
PTL ซื้อราคา 30.5 จำนวน 24,200 หุ้น ขาย 31.25 กำไร 18,150 บาท
จะเห็นได้ว่าในวงเงินเท่ากัน กำไร / ขาดทุนก็ไม่เท่ากัน ในขณะที่ช่องเคลื่อนไปเท่ากัน
จริงๆ แล้วยังมีการซื้ออีกรูปแบบหนึ่ง เป็นแบบ ควบช่องราคาที่ต่างกัน
เช่น ซื้อ IVL ราคา 24.90 เด้ง 3 ช่อง
ช่องแรก กำไรช่องละ 0.10 บาท
ช่องสอง กำไรช่องละ 0.25 บาท ( รวมเป็น 0.35 ) เนื่องจากราคาเลย 25 บาท เป็น 25.25
ช่องสาม กำไรช่องละ 0.25 บาท ( รวมเป็น 0.60 ) ราคาเป็น 25.50
ถ้าวงเงิน 740,000 ซื้อได้ 29,700 หุ้น กำไร 17,820 บาท
ถ้า ซื้อ ณ ราคา 25 บาท จะกำไร 22,200 บาท
จะเห็นได้ว่ายิ่งซื้อใกล้ราคาบันไดช่วงใหม่ตอนเริ่มต้นมากเท่าไหร่ กำไรก็จะมากตามด้วย
**สรุป ถ้าเกิดมีหลายๆ ตัวเลือก แล้วพื้นฐานโดยส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน ให้ดูราคาเป็นหลัก ยิ่งใกล้ช่วงเริ่มต้นบันไดใหม่เท่าไหร่ ให้เล็งตัวนั้นไว้ก่อน ยิ่งปลายบันไดมากเท่าไหร่ โดยถ้าเล่นสั้น ควรเลือกตัวที่ถูกกว่า
ถ้าเล่นยาวก็ไม่เป็น เนื่องจากมีโอกาสกินส่วนต่างของช่วงที่เพิ่มขึ้น
***สรุป 2 ในระยะยาวแล้ว หุ้นถูกกว่า มีสิทธิ ทำกำไรได้หลายเด้งมากกว่า
**** สรุป 3 ถ้าทุกอย่างเหมือนกัน ให้ซื้อที่ใกล้ราคาใกล้ช่วงเริ่มต้นใกล้บันไดช่วงใหม่มากที่สุด และเลือกขั้นบันไดที่ถูกที่สุด
ให้จำไว้ว่ายิ่งเงินลงทุนมากเช่น 10 ล้าน ส่วนต่างก็มาก บางทีต่างกันหลายแสนเพราะแค่ขั้นบันไดของราคา
สุดท้าย ขอให้โชคดีมีตังในการซื้อขายหุ้นกันถ้วนหน้า
โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่า ความรู้จะจัดดุลยภาพของเงินที่ลงทุนไปให้เหมาะสมกันเอง
แต่ทั้งนี้่ ทั้งนั้น ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องบุญ-บาป ด้วย
คนมีบุญจิ้มตัวไหน ตัวนั้นก็ขึ้น ถึงแม้ว่าพื้นฐานไม่ดี แต่บางทีเข้าจังหวะดี มีข่าวดี มีจ้าวลาก
อาทิเช่นต้องการเพิ่มทุน ก็กำไรบาน เสมือนบุญก็จะนำพาโอกาสดีๆ มาให้
แต่ถ้าความรู้ไม่มีก็ไม่รู้จะขายช่วงไหน ทำให้กำไรที่ได้ค่อยๆหดลงเรื่อยๆ ดีไม่ดีกลายเป็นขาดทุนไป
เพราะฉะนั้นอย่าลืมแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญด้วย และก็อย่าทำบาปเด้อ จะทุกข์หลายๆ สิบอกไห่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น