วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Asset Management 1

เมื่อตอนเรียนจบ คนที่จบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ย่อมเป็นที่ถูกคาดหวังของคนรอบข้างไม่มากก็น้อย

เช่นเมิงไปทำงานอะไร นู่นนี่ที่ไหน อะไรยังไง

ส่วนตัวกุไม่ค่อยแคร์สังคมรอบข้างเท่าไหร่ กุเฉยๆ แถมเงินเดือนการทำงานประจำแลดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่นัก

คิดไว้ก่อนจบว่าอยากมีเวลาว่างๆ สักปี ไม่ก็สักหกเดือน ให้ได้ศึกษาเรื่องที่อยากทำ

กุเลยไม่หางาน แต่ใช้เวลาไปกับการนั่งอ่านภาษาอังกฤษ + ศึกษาวิปัสสนาแทน แต่ก็ยังไม่ค่อยมีแรงจูงใจ

เวลาส่วนมากกุเลยใช้ไปกับการนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย น่าเบื่อเหมือนกันช่วงนั้น
คนรอบข้างไม่ว่าจะเพื่อน ญาติ ถาม ทำไมไม่ไปทำงาน ถามบ่อยๆ เข้ากุก็เริ่มรำคาญ คิดในใจ "มายุ่งอะไรกะกุวะเนี่ย"

วันนั้นนั่งจัดหนังสือ ไปเจอชีทที่เล่นทฤษฎีเกมตอนเรียน

กุชอบบรรยากาศการเล่นเกมแบบนั้นมาก กุชอบวิเคราะห์ วางแผน และก็จัดสิ่งที่เหมาะสมเพื่อให้แผนบรรลุ

แหม เวลาเห็นแผนตัวเองที่วางไว้มันค่อยๆ เดินหน้าทำ progress วิ่งไปเรื่อยๆ เป็นที่ถูกอกถูกใจนัก

ก่อนที่จะเริ่มแข่งเกม โดยใช้ระยะเวลา 4 Quarter ตามหน่วยเกม แต่เล่นจริงๆ ใช้เวลาสี่สัปดาห์
อาจารย์เกริ่นเกมแบบคร่าวๆ เป็นเกมจำลองคล้ายๆ บริษัทขายผลิตภัณฑ์สองชิ้น ต้องทำหลายๆอย่าง

ตั้งแต่ ตั้งราคา คุมต้นทุนการผลิต สั่งซื้อวัตถุดิบ คิดค่าคงคลัง ลงทุนบุคลากร จ้างงาน สั่งให้พักงาน ค่าโฆษณา ซื้อข้อมูลคู่แข่ง จัดทำงบ แล้วเอาผลตอบแทนแข่งกับกลุ่มอื่นๆ ทั้งห้อง ราวๆ 10 บริษัท

แกทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าใครคนไหนบ้าจี้ ทะลึ่งไปซื้อข้อมูลคู่แข่งหมดเลยนี่ เป็นไง...เจ๊งแน่ (เนื่องจาก Cost ค่อนข้างแพง )

กุมานั่งวิเคราะห์ดู เอ... มันไม่น่าจะเป็นอย่างที่ว่า กุลองคิดคร่าวๆ ดู ถ้ารู้ข้อมูล จะสามารถวางกลยุทธล่วงหน้าไปได้อีกสอง-สามไตรมาส

เลยทำตรงข้ามกะที่แกชี้แนะซะ ซื้อแม่งเกือบหมดนั่นแหละ ผลน่ะหรือ... กุก็เต็ง 1 ไปจนจบ Q4 นั่นแหละ

จนอาจารย์ผู้สอน ผศ. ไพรินทร์ อยากให้ไปบรรยายแนวคิดให้ห้องอื่นๆ ที่เรียนกะแกฟังด้วย ...พอดีกุติดไปตจว พอดี

นั่งคิดไปคิดมา มีธุรกิจอะไรที่มันสนุกๆแบบนี้ ให้กุได้จับมั่งไหมหว่า...

จริงๆ กุจบด้านคอมมา แต่กุไม่ชอบเลย ให้ตายเหอะ... กุชอบนั่งอยู่หน้าคอมอ่านอะไรที่กุชอบ ฟังเพลงสบายๆ ก็เท่านั้น เป็นเหตุผลให้กุเลือกเรียนคอม...

นั่งคิดๆๆๆ จนปิ๊งว่า บริษัทที่มันเข้าตลาดหลักทรัพย์มันก็ต้องเผยแพร่งบแบบนี้เหมือนกัน

เลยไปศึกษาเรื่องหุ้น  พบว่าตัวแปรแม่งเยอะกว่ามาก แถมมีจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในเรื่องของราคาหุ้น และก็ความคาดหวัง กับการรับรู้ นี่แหละความมันส์ของการแข่งขัน !

เริ่มแรกเล่นพอร์ตจำลองก่อน แต่ยังไม่มีแรงจูงใจ เลือกหุ้นสักตัว ซื้อทิ้งไว้ แล้วก็ลืมไปเลย

จากนั้น 15-20 วันมาดู เห้ย NAV (ผลตอบแทนจากเงินลงทุน100%) เพิ่มขึ้น 20%

แต่พอร์ตจำลองย่อมไม่มีแรงดึงดูดทางใจเท่าไหร่นัก พอดีมีการจัดแข่งขันระดับมหาลัยทั่วประเทศ ปริญญาตรี กะ โท ขึ้นไป

พอดีกุเรียนจบแล้ว เลยให้เพื่อนสมัครแทน แล้วกุเป็นกุนซือคุมพอร์ต

วันไหนตลาดเปิดนี่มีความสุข นั่งดูราคา นั่งดูการจัดอันดับตอนตลาดปิดรายวัน

เล่นๆ ไปก็ค่อยๆ ศึกษาไป วันไหนตลาดเปิดจะดี้ด้ามาก วันไหนตลาดปิดนี่เบื๊อ เบื่อ...

ยิ่งช่วงท้ายๆ เดือน ใกล้จะจบการแข่งขันนี่ลุ้นโคตร ในที่สุดก็กวาดมาสามรางวัล

เป็นคนเดียวที่กวาดรางวัลมาเยอะสุดในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศ


รูปโล่รางวัลจากตลาดหลักทรัพย์


ถึงขนาดนั้นก็ยังมีกลุ่มที่ทำตัวเป็นผู้หวังดี ที่กุไม่ได้ชอบเล้ย มาถามเรื่องทำงาน ทำไมไม่หางานทำล่ะ ทำไมไม่... ทำไม ทำไม ทำไม

เฮ้อ... เบื่อจริงๆ ช่วงนั้น

กุเลยถามกลับ ทำงานประจำไปแล้วเมื่อไหร่จะรวย เดี๋ยวจะทำเงินอย่างน้อย 9-10 หลักภายในสิบปีนี่แหละ ให้ดู

ตามประสาคนทั่วไป แน่นอน ได้รับการดูถูกมาเช่นเคย

กุก็เริ่มลงทุน รวมทั้งเข้าแข่งขันระดับประเทศด้วยในเดือนต่อมา เริ่มศึกษาอนุพันธ์

กุนั่งไล่ดูผลตอบแทนย้อนหลัง หลายๆ เดือนของแชมป์ที่ผ่านมาในการแข่งขัน

พบว่าหุ้นนี่อย่างเก่งก็ NAV 1xx% ในหนึ่งเดือน(นี่หมายความว่าเมิงโคตร Jackpot เลยนะ) แต่พบว่าพวกที่เล่นอนุพันธ์สามารถทำผลตอบแทนได้ มากกว่า 150-200% ในหนึ่งเดือนบ่อยๆ บางทีก็ขึ้นไป 600%++

เลยนั่งศึกษาอนุพันธ์ ละก็ลงแข่ง พบว่าง่ายกว่าหุ้น แต่มีความเสี่ยงมากกว่าพอสมควร กุจึงคิดวิธีการ Hedge ในสไตล์ของกุขึ้นมา

(Hedge คือการป้องกันความเสี่ยงอย่างหนึ่ง)

จบการแข่งขันเดือนนั้นชนะมาทั้งหมด 11 รางวัลเรียกได้ว่าแทบทุก Broker ใหญ่ๆ ของประเทศ
(รวมชนะหุ้นทั้งหมด 4 รางวัล อีก 10 เป็น TFEX เนื่องจากหุ้นมีให้เลือกลงทุน 500 ตัว โอกาสที่ชนะลงถูกตัว และถูกจังหวะเวลา อีกหลายๆปัจจัย กะค่อนข้างยากกว่า TFEX)

กุจึงเพิ่มหนทางที่ต้องการจะเป็น Specialist ขึ้นมาอีกทาง คือ Investor

ภายในไม่กี่เดือนกุก็สามารถทำเงินได้หกหลัก พวกคนที่ทำตัวเป็นผู้หวังดีทั้งหลายก็เริ่มไม่มาจุ้นกะกุ

แถมมาถามเรื่องการลงทุนกุอีก เฮ้อ อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้เนอะ... แถมเร็วเสียอีก ห่า
กุค่อนข้างมั่นใจว่าถ้ารู้ลึกเรื่องตลาดหุ้น กับ อนุพันธ์จะสามารถโกยเงินจากตลาดไม่มีวันสิ้นสุด

ทำไมกุถึงมั่นใจอย่างนั้น

เหตุผลข้อแรกคือ กุเชื่อว่าทุกตลาดในโลกเป็นแบบ Market Imperfection ทั้งหมด นั่นคือ ราคาที่ปรากฎอยู่ในตลาดต่างๆไม่สอดคล้องกัน

นั่นเป็นโอกาสที่จะทำเงินจากตลาดได้อยู่เสมอๆ

เช่นการทำ Arbitrage  อธิบายแบบง่ายๆ
ไข่ราคา 3 บาท
มะนาวราคา 5 บาท
แต่มีคนรับ ซื้อไข่ โดยเค้าบอกว่า มะนาว 1 ลูก แลกไข่ได้ 2 ใบ
คุณก็ไปซื้อ มะนาว มา 5 บาท
แลกไข่มา 2 ใบ
กำไรหนึ่งบาทเห็นๆ
แต่ในตลาดหุ้นมันเร็วและก็มีตัวหุ้นหรือสัญญาต่างๆให้เลือกมากกว่านั้นแยะ แถมไม่ต้องตกลงเจรจานอกบ้าน เคาะผ่านเน็ตเอา

( แต่จริงๆ มันก็มีข้อที่ควรระวังอีกเยอะนะ เจอพวกเล่นแร่แปรธาตุงบการเงิน หรือกับดักอื่นๆ )

ไปสอนบางคน มันบอกทุนน้อย

ทุนน้อย ทุนเยอะ ไม่ว่ากัน ตลาดนี้ความรู้ให้มีเหนือทุนไว้รับรองได้กำไร ถ้าความรู้ต่ำกว่าทุน เดี๋ยวธรรมชาติก็จะจัดสรรให้มันเหมาะสมกันเอง ฮ่าๆ
เห็นคนหลายๆคน มีเงินเย็น แต่ใจร้อน เงินมันก็เลยร้อน เล่นแบบร้อนๆ ก็นะ นอนไม่หลับ... แถมเครียดอีก
ตอน 2 ค่อยไปเขียนต่อใน FB ดีก่า..
------

ทุกวันนี้กุตื่น 8-9 โมงเช้า อ่านหนังสือพิมพ์ efinance 1 ฉบับ
ลงไปกินข้าว ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็มาอ่านบทวิเคราะห์พวก broker

พอดีกับตลาดเปิดพอดี 10-10.30 ระหว่างตลาดเปิดก็อ่านข้อมูลอื่นๆไปเรื่อยๆ ไปจนเที่ยงครึ่ง ไปพักสายตาซะงีบ

บ่ายสองครึ่งมาดูต่อ ฟังเพลง อ่านบทความ research webboard จนตลาดปิดสี่โมงครึ่ง ห้าโมง

เย็นๆ ก็ออกไปหาข้าวกิน

ค่ำๆ ก็สวดมนต์ วิปัสสนา เสร็จ อ่านนู่นๆ นี่ๆ สักหน่อย เล่น facebook เล่นเกมบ้าง แล้วก็นอน...

เสาร์ อาทิตย์ก็สบายๆ ไปเดินเล่น ไม่ก็อยู่บ้าน ซื้อหนังสือมาอ่าน อยู่กับครอบครัว ดูหนัง ฟังเพลง

สบายยยยยยยย
--------







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น